ฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในหัตถการที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับแต่งรูปทรงและสัดส่วนของใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลก่อนเข้ารับบริการก่อนทุกครั้ง เพราะบางรายอาจเกิด แพ้ฟิลเลอร์ หลังฉีดได้ บทความนี้ จะพาทุกคนไปดูวิธีการสังเกต อาการแพ้ฟิลเลอร์ รวมถึงวิธีการป้องกัน และดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ตามไปอ่านกันได้เลย
แพ้ฟิลเลอร์ คืออะไร
แพ้ฟิลเลอร์ คือ อาการที่เกิดจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารที่ใช้เป็นส่วนประกอบใน filler บางตัว โดยเฉพาะฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของสารสังเคราะห์ เช่น ซิลิโคน ซึ่งฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในปัจจุบันมีส่วนประกอบหลักเป็นไฮยาลูรอนิกแอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกาย และมีโอกาสแพ้น้อยมาก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดการแพ้ฟิลเลอร์ได้ ถึงแม้ความเสี่ยงจะต่ำกว่าฟิลเลอร์สังเคราะห์
อีกทั้งอาจมีปัจจัยอื่นที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ฟิลเลอร์ได้ เช่น ความไวต่อการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคล, ความบริสุทธิ์ของฟิลเลอร์ที่ใช้, เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น อาการแพ้ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มักเกิดจากการฉีดซิลิโคนปลอม หรือซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรับรองจากอย. ทำให้มีโอกาสอักเสบหรือเกิดอาการแพ้ได้ง่าย
สาเหตุของอาการแพ้ฟิลเลอร์
สาเหตุของ อาการแพ้ฟิลเลอร์ อาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่ไวต่อสารประกอบในฟิลเลอร์มากกว่าปกติ ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละคนตอบสนองต่อสารต่าง ๆ ได้แตกต่างกัน บางคนอาจมีระบบภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อสารประกอบในฟิลเลอร์ด้วยการสร้างแอนติบอดีหรือการอักเสบ
ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการมีพันธุกรรมที่ทำให้มีความไวต่อสารเหล่านี้ หรือคนที่มีประวัติแพ้สารประกอบบางอย่างหรือมีโรคภูมิแพ้ (Allergies) มักมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปฏิกิริยาต่อสารประกอบในฟิลเลอร์ หรืออาจเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์ปลอม ร่างกายจึงต่อต้าน หรือขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่สะอาด ทำให้ฟิลเลอร์เกิดการปนเปื้อนจากเชื้อโรค ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและกระตุ้นภาวะแพ้ฟิลเลอร์ได้
ใครบ้างที่เสี่ยงแพ้ฟิลเลอร์
- ผู้ที่แพ้สารไฮยาลูรอนิกแอซิดสังเคราะห์
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันไวกว่าปกติ เช่น ผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้ตัวเอง ผู้ที่เป็นโรคเริม โรคงูสวัด
- ผู้ที่แพ้ยาชา เช่น Lidocaine
- ผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้รุนแรงหรือแพ้เฉียบพลัน
- ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่ายหรือเลือดหยุดไหลยาก เช่น โรคฮีโมฟีเลีย
- ผู้ที่มีอาการอักเสบติดเชื้อบริเวณผิวหนัง เช่น มีสิวอักเสบ, เป็นฝีหนอง
- ผู้ที่มีประวัติแพ้โปรตีนจากแบคทีเรียแกรมบวก
- สตรีมีครรภ์และผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์
สัญญาณอันตราย อาการแพ้ฟิลเลอร์
บางคนไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน และไม่มีประวัติการแพ้ อาจไม่ทราบว่าตนเองแพ้ฟิลเลอร์ อีกทั้งอาการบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหลังจากฉีดฟิลเลอร์ เพราะฉะนั้น จึงควรสังเกตอาการแพ้ฟิลเลอร์ไว้เพื่อรับมือกับอาการเหล่านี้ได้ทันท่วงที
อาการแพ้ฟิลเลอร์แบบเฉียบพลัน
แพ้ฟิลเลอร์ อาการแพ้รุนแรงเหล่านี้เป็นผลจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันทำปฏิกิริยากับฟิลเลอร์อย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เกิดการบวมในบริเวณกว้าง ส่วนใหญ่จะมีอาการดังต่อไปนี้
- มีผื่นลมพิษ หรือผื่นแดงขึ้นเป็นวงกว้างในบริเวณที่ฉีด และรู้สึกคันอย่างรุนแรง
- มีอาการอักเสบ ผิวบวมแดงมากผิดปกติ รู้สึกร้อนที่ผิว
- รู้สึกปวดหรือเจ็บในบริเวณที่ฉีด
- ในผู้ที่มีการแพ้ฟิลเลอร์รุนแรง จะมีอาการหน้าบวม หนังตาบวม หายใจติดขัด เกิดภาวะชัก ซึ่งอาการแพ้ฟิลเลอร์แบบเฉียบพลันรุนแรงข้างต้น อาจพบได้ไม่บ่อย แต่ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที
- หากมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที อย่าชะล่าใจ เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการแพ้ฟิลเลอร์แบบเรื้อรัง
อาการแพ้ฟิลเลอร์แบบเรื้อรัง อาจเกิดหลังฉีดฟิลเลอร์ไปนานหลายเดือน หรือเป็นปี ผิวจะมีลักษณะเป็นก้อนนูน แดงอักเสบ มีหนอง มีผื่นขึ้นคล้ายลมพิษ กดบริเวณที่ฉีดแล้วรู้สึกเจ็บ และมักเกิดกับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม
แยกให้ออก! ผลข้างเคียง VS อาการแพ้ฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์อาจเป็นผลมาจากการใช้เข็มฉีด การกระตุ้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และกระบวนการดูดซึมฟิลเลอร์ของร่างกาย ทำให้อาจมีรอยแดง รอยช้ำ หรือมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่เป็นอันตราย แต่หลายคนมักเกิดความกังวลว่าจะเป็น อาการแพ้ฟิลเลอร์
ในช่วงแรกจึงควรสังเกตอาการว่าแย่ลงหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้ว ผลข้างเคียงเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และสามารถหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์
ดังนั้น ควรดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อช่วยให้ผลข้างเคียงทุเลาได้เร็วขึ้น เช่น การประคบเย็น งดการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ไม่แกะเกา ที่สำคัญ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือมีอาการแย่ลง มีอาการปวด บวมแดงร้อน มีผื่น อาการกระจายไปในวงกว้าง เหล่านี้ต้องรีบไปพบแพทย์
ฟิลเลอร์อักเสบ คืออะไร
ฟิลเลอร์อักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้จากสองสาเหตุหลัก คือ การติดเชื้อและการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดอาการอักเสบ เช่น ผิวแดง ร้อน ปวด กดเจ็บ มีไข้ มีหนอง ผิวจะเป็นก้อนนูนแดง มีอาการปวดหรือบวมขึ้น อาจมีตุ่มหรือก้อนหนองร่วมด้วย หรือมีการปนเปื้อนของฟิลเลอร์ในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การเตรียมฟิลเลอร์ก่อนฉีด ระหว่างฉีดฟิลเลอร์ หรือแพทย์ขาดประสบการณ์ ใช้เทคนิคไม่ถูกต้อง
สังเกตอย่างไรว่าฟิลเลอร์อักเสบ?
วิธีสังเกตฟิลเลอร์อักเสบง่าย ๆ คือ ผิวจะเป็นก้อนบวม มีอาการปวดมาก ผิวมีสีแดงหรือคล้ำผิดปกติ เป็นหนอง แสบร้อนบริเวณที่ฉีด เมื่อสัมผัสผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะรู้สึกเจ็บ และอาการจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ดีขึ้น เพราะหากเป็นผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ อาการบวมจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
อันตรายของฟิลเลอร์อักเสบ
ฟิลเลอร์อักเสบจะทำให้เกิดความเจ็บปวด รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หากไม่ได้รับการรักษา อาการอักเสบจะรุนแรงขึ้น อาจเกิดภาวะเนื้อตาย หรือภาวะแทรกซ้อน เช่น ฝี การติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ดังนั้น หากพบความผิดปกติควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด หากในกรณีที่อาการไม่รุนแรง แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ และรักษาด้วยวิธีการเฉพาะเช่น การระบายหนอง การสลายฟิลเลอร์ ตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย แต่หากมีอาการรุนแรงจะต้องฉีดยาสลายฟิลเลอร์ หรือผ่าตัดออกในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ปลอม
เกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ ทำอย่างไร
เมื่อเกิดการแพ้ฟิลเลอร์แล้วไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาการอาจแย่ลงและทำให้เกิดอันตรายได้ จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
แพ้ฟิลเลอร์ การดูแลตัวเองเบื้องต้น
รับประทานยาแก้แพ้ chlorpheniramine เพื่อบรรเทาอาการ แต่หากอาการแพ้ฟิลเลอร์ไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์ ห้ามซื้อยาทานเอง หรือใช้ผ้าเย็นประคบเบาๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ประมาณ 15-20 นาที เพื่อลดอาการบวมแดง
ทั้งนี้ วิธีประคบเย็นและทานยาแก้แพ้เป็นเพียงการดูแลตนเองเบื้องต้น ไม่ใช่วิธีการรักษาหลัก และไม่ใช่ทางเลือกในกรณีที่มีอาการแพ้ฟิลเลอร์รุนแรงค่ะ
ดังนั้น ผู้ที่มีอาการแพ้ควรจดบันทึกอาการ และถ่ายรูปบริเวณที่แพ้ฟิลเลอร์ไว้ เพื่อให้ข้อมูลแก่แพทย์ ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้แพทย์แนะนำวิธีการดูแลตัวเองตามความเหมาะสม และเพื่อประเมินอาการแพ้ ผู้ป่วยจึงไม่ควรประเมินหรือรักษาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ปรึกษาแพทย์ทันที เมื่อมีอาการแพ้ฟิลเลอร์
หากสังเกตอาการแล้วไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นผลข้างเคียงหรือแพ้ฟิลเลอร์ หากเป็นการแพ้ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองด้วยวิธีที่ถูกต้อง หรือใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาอาการ และป้องกันปัญหาในระยะยาว
การรักษาอาการแพ้ฟิลเลอร์
ในกรณีที่วินิจฉัยแล้วพบว่าเป็นการแพ้ฟิลเลอร์ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาแก้แพ้เพื่อลดอาการบวมและคันในคนไข้บางราย หรือฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) อย่างไรก็ตามการฉีดสลายฟิลเลอร์จะทำได้เฉพาะในผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพราะฟิลเลอร์ปลอม ซิลิโคนเหลว หรือสารสังเคราะห์อื่น ๆ จะไม่สามารถย่อยสลายได้ แต่จะต้องใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อเอาออก
ป้องกันไว้ก่อน! เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์
อาการแพ้ฟิลเลอร์ สามารถป้องกันได้ โดยการศึกษาข้อมูล และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้
เลือกคลินิกได้มาตรฐาน
ควรพิจารณาเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง ติดต่อง่าย เดินทางสะดวก มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย มีห้องทำหัตถการที่สะอาดปลอดภัย
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ควรเป็นแพทย์จริงที่มีใบประกอบวิชาชีพ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และแพทย์ควรมีประสบการณ์เฉพาะทางด้านผิวหนังหรือความงามโดยตรง ไม่ใช่แพทย์ทั่วไป เพราะการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยทั้งความรู้ทางด้านกายวิภาค และเทคนิคที่จะทำให้ฉีดฟิลเลอร์ออกมาสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ตื้นหรือลึกเกินไป
นอกจากทักษะการฉีดแล้ว แพทย์ยังต้องเลือกชนิดและปริมาณของฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับลักษณะผิวและความต้องการของผู้รับบริการแต่ละคน แพทย์ที่ดีควรอธิบายขั้นตอน ผลที่คาดหวัง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้ผู้รับบริการทราบ รวมถึงมีการเก็บประวัติสุขภาพ ประวัติการแพ้ยา เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ
การตรวจผิวหนังก่อนฉีดอย่างละเอียด ที่สำคัญ ยังต้องมีความสามารถในการดูแลและจัดการภาวะฉุกเฉินหรือภาวะแทรกซ้อนจากการฉีด รวมถึงการดูแลและติดตามอาการหลังการรักษา
ตรวจสอบฟิลเลอร์ก่อนฉีด
แม้ว่าทางคลินิกจะแจ้งว่าใช้ฟิลเลอร์แท้ในการฉีดก็ต้องตรวจสอบด้วยตัวเองอีกครั้ง เพราะบางคลินิกบอกว่าใช้ของแท้ แต่พอถึงเวลาอาจนำยี่ห้ออื่นมาฉีดให้ จึงควรศึกษาวิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อเอาไว้ด้วย เช่น ดูว่ากล่องฟิลเลอร์นั้นเป็นกล่องใหม่ปิดสนิท ไม่เคยถูกแกะมาก่อน ตัวหนังสือชัดเจน มีรายละเอียดภาษาไทยกำกับ มีเลข อย. วันผลิต วันหมดอายุ และเลข Lot. บนกล่องต้องตรงกับที่ปรากฏบนฟิลเลอร์ในกล่อง
แจ้งประวัติการแพ้
หากเคยมีประวัติการแพ้ เช่น แพ้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แพ้อาหารทะเล แพ้แมลง โดยเฉพาะอาการแพ้อย่างรุนแรง รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ หรือมียาที่ต้องรับประทานประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง เพราะคนบางกลุ่มมีโอกาสแพ้ฟิลเลอร์ ได้มากกว่าคนทั่วไป
หลังฉีดฟิลเลอร์ ดูแลตัวเองอย่างไร
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์ออกมาสวยงาม ปลอดภัย และอยู่ได้นาน หลังฉีดฟิลเลอร์ควรดูแลตัวเอง ดังนี้
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถล้างหน้าได้ แต่ควรล้างด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ และใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน ถูอย่างเบามือ แล้วรีบซับให้แห้ง หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่น และไม่ควรให้หน้าโดนน้ำนานเกิน 15 นาที
- ในช่วง 2-3 วันแรก ควรนอนหมอนสูงกว่าระดับหน้าอก หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง เพราะจะไปกดทับบริเวณที่ฉีด
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูอยู่ได้นานขึ้น
อาหารที่ควรกิน และควรเลี่ยง
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น หลอดเลือดขยายตัว อาการบวมหายช้า และเสี่ยงต่อการอักเสบ
- งดหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู รวมถึงอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
- งดอาหารรสจัด เช่น เค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด
- งดอาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง
- งดอาหารทะเล อาหารดิบ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ปลาดิบ กุ้งดอง
สิ่งที่ต้องเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์
- งดสัมผัส กด นวด บีบ บริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ตัวฟิลเลอร์เคลื่อนไปยังตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องการ
- หลีกเลี่ยงความร้อน และกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน เช่น ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ออกกำลังกายหนักๆ ซาวน่า อบไอน้ำ
- งดการทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เป็นเวลา 1 เดือน
- งดสูบบุหรี่ เพราะนิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้แผลบนผิวหนังหายช้า
- หลีกเลี่ยงความร้อนหรือกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ควรงดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยาย ทำให้บวม ช้ำ และพักฟื้นนานขึ้น
- ห้ามแต่งหน้า ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ควรทำกิจกรรม เช่น นอนหัวสูง ประคบเย็นวันละ 2-3 ครั้ง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ
- หากมีอาการบวม แดง ร้อนผิดปกติ หรือมีอาการแพ้ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ไม่ควรซื้อยามารักษาเอง
สรุป
สรุปแล้ว แพ้ฟิลเลอร์ คืออาการที่พบได้น้อยมาก หากใช้ฟิลเลอร์แท้และฉีดโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น การเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน และการตรวจประวัติแพทย์ก่อนทำจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งยังช่วยให้ผู้รับบริการมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญ ควรทำความเข้าใจผลข้างเคียง อาการแพ้ฟิลเลอร์ และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เพื่อสามารถเฝ้าระวังและมาพบแพทย์ได้ทันท่วงที หากทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์ และเทคนิคในการฉีดที่ดี โอกาสแพ้ฟิลเลอร์จะมีน้อยมาก ไม่ควรเสี่ยงกับการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ผ่านการรับรองจาก อย. เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายตามมาได้
อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ไม่หลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อ ปรึกษาแพทย์ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจ และเลือกสิ่งที่ดีและปลอดภัยที่สุดให้กับตัวเอง