การฉีดโบท็อกซ์ เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย และทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ในขณะที่การฉีดโบท็อกซ์ใช้เวลาที่รวดเร็ว และไม่เจ็บมากนัก การดูแลตัวเองหลังฉีด ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที หลังจากการรักษา แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง เพื่อให้โบท็อกซ์ได้ทำงานอย่างเหมาะสม ในกล้ามเนื้อที่เราต้องการ
การที่เรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ “ไม่ควรทำ” หลังจากฉีดโบท็อกซ์ ก็สำคัญพอๆ กับขั้นตอนการฉีดเลยทีเดียว การทำกิจกรรมบางประเภท หรือละเลยการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามต้องการ โบท็อกซ์อาจกระจายตัวไปยังบริเวณที่ไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดอาการปวด หรือไม่สบายตัวเพิ่มมากขึ้น คำแนะนำเหล่านี้ สร้างขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยคงประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ และเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้ารับการรักษาจะมีความพึงพอใจกับผลลัพธ์
การหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ทำการรักษา งดออกกำลังกายอย่างหนัก และจำกัดการอยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูง เป็นข้อแนะนำหลักๆ ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ปฏิบัติตาม การปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการรักษาเหล่านี้ จะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น และเห็นผลลัพธ์ทางด้านความงามของการฉีดโบท็อกซ์ตามที่ต้องการ
ทำความเข้าใจกับการดูแลตัวเองหลังการฉีดโบท็อกซ์
หลังฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับการรักษาควรปฏิบัติตามแนวทางที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การดูแลตัวเองหลังทำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันผลข้างเคียง และเพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิผลสูงสุด
ข้อควรรู้ที่ต้องจำให้ขึ้นใจหลังฉีดโบท็อกซ์
- ทำตัวให้ตัวตรง : ทำตัวให้ตัวตรงอย่างน้อยสามถึงสี่ชั่วโมง หลังฉีดโบท็อกซ์ เพื่อป้องกันโบท็อกซ์เคลื่อนตัวออกนอกบริเวณที่ทำการรักษา
- หลีกเลี่ยงการออกแรงกด : หลีกเลี่ยงการออกแรงกดโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะ ถู หรือนวดบริเวณที่ทำการรักษา เพราะจะทำให้โบท็อกซ์กระจายออกสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงได้
- ขยับกล้ามเนื้อหน้าเล็กน้อย : การออกกำลังกายบริเวณใบหน้าเล็กน้อย อาจจะแนะนำได้บ้าง แต่ควบคุมให้เป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
กิจกรรมที่ควรเลี่ยง
- ควรงดกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก ซึ่งจะทำให้หัวใจเต้นแรง เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ความร้อนโดยตรง หรือการอาบแดดหลังการรักษาทันที เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการบวม และช้ำ
การดูแลผิวหลังฉีดโบท็อกซ์
| ควรทำ | ไม่ควรทำ |
|---|---|
| ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และไม่ระคายเคืองผิว | ออกแรงกด หรือทำการดูแลผิวที่รุนแรง |
| ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ | ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ต้องใช้ความร้อน |
| สังเกตอาการแดง หรืออาการแพ้ | ละเลยอาการข้างเคียงใดๆ ที่เกิดขึ้น |
โดยทำตามคำแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีดนี้ ผู้เข้ารับการรักษาจะมีอิทธิพลต่อความคงทน และช่วยเสริมผลลัพธ์ที่ต้องการจากโบท็อกซ์ได้
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย
หลังจากที่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์แล้ว สิ่งสำคัญ คือ ต้องปล่อยให้บริเวณที่รักษาหายโดยปราศจากการรบกวน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้เข้ารับบริการ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก ซึ่งอาจรบกวนกระบวนการปรับตัวของโบท็อกซ์
ไม่ออกกำลังกายอย่างหนัก
ขอแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการ รออย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะออกกำลังกายอย่างหนัก งดกิจกรรมต่างๆ เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน การยกน้ำหนักหนัก และการฝึกแบบช่วงเวลาที่มีความเข้มข้นสูง ข้อควรระวังนี้ จำเป็นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโบท็อกซ์ จากกล้ามเนื้อเป้าหมายไปยังบริเวณใกล้เคียง
จำกัดการทำกิจกรรม
นอกจากการงดการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงแล้ว ผู้เข้ารับบริการ ยังควรจำกัดการทำกิจกรรมโดยรวมในช่วงเวลาสั้นๆ ช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดมีความสำคัญมาก ในช่วงเวลานี้ ให้หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก้มตัวลง หรือการกระทำที่อาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปที่ใบหน้า เช่น การนวด หรือการถูศีรษะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดจากโบท็อกซ์
การดูแลผิวหน้า
การดูแลใบหน้าอย่างเหมาะสมหลังฉีดโบท็อกซ์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เราต้องดูแลเป็นพิเศษในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา เพื่อหลีกเลี่ยงกิจกรรมใดๆ ที่อาจรบกวนประสิทธิผลของสารพิษ หรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน
เลื่อนการทำทรีตเมนต์ใบหน้า
หลังจากฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการ ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ใบหน้าทุกชนิด ซึ่งรวมถึงการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า การลอกผิวด้วยสารเคมี ไมโครเดอร์มาเบรชั่น หรือการบำบัดใดๆ ที่ใช้แรงกดบนใบหน้า กิจกรรมดังกล่าวอาจทำให้โบท็อกซ์แพร่กระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ ก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
คำแนะนำสำหรับการล้างหน้าอย่างอ่อนโยน
หลังฉีดโบท็อกซ์ จำเป็นต้องใช้วิธีการล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสูตรสำหรับผิวบอบบาง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่มีสารขัดถู และผู้เข้ารับบริการ ควรระมัดระวังหลีกเลี่ยงการถู หรือการนวดบริเวณที่ได้รับการรักษาอย่างมาก แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์หลังฉีด เช่น Toleriane Hydrating Gentle Cleanser ของ LaRoche-Posay เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของผิวโดยไม่รบกวนโบท็อกซ์
สารที่ควรหลีกเลี่ยง
หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว สารบางชนิดสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ และอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการรักษา ผู้เข้ารับบริการ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แอลกอฮอล์ และยาลดการแข็งตัวของเลือด
- แอลกอฮอล์ : ผู้เข้ารับบริการ ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้เลือดเหลว ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยช้ำ และบวมมากขึ้นบริเวณที่ฉีดยา
- ยาลดการแข็งตัวของเลือด : ยา และอาหารเสริม เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และวิตามินอี ก็มีคุณสมบัติในการช่วยลดการแข็งตัวของเลือดเช่นกัน ควรหยุดใช้สิ่งเหล่านี้ หากเป็นไปได้ และเหมาะสมทางการแพทย์ หลายวันก่อน และหลังการรับโบท็อกซ์ เพื่อลดเลือดออก และลดรอยช้ำ
งดสูบบุหรี่
- การสูบบุหรี่ : นิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัว และสามารถขัดขวางกระบวนการรักษาได้ แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการ งดสูบบุหรี่ทันทีหลังการรักษาด้วยโบท็อกซ์ เพื่อให้การรักษาหายดี และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ข้อจำกัดที่ควรปฏิบัติตามหลังจากฉีดโบท็อกซ์
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดภาวะแทรกซ้อนหลังจากการฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการ ควรปฏิบัติตามข้อจำกัดดังต่อไปนี้
ลดการโดนแสงแดด
หลังจากเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการ ควรหลีกเลี่ยงการโดดแสงแดดมากเกินไป แนะนำว่าอย่าให้บริเวณที่ฉีดโดนแสงแดด หรือความร้อนที่มากเกินไป เช่น จากห้องซาวน่า เนื่องจากความร้อนสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัว และส่งผลที่ไม่ต้องการได้
ห้ามสัมผัส หรือนวด
ผู้เข้ารับบริการ ไม่ควรสัมผัส หรือนวดบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์เด็ดขาด แนะนำให้รักษาอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ฉีด การสัมผัส หรือนวดอาจทำให้โบท็อกซ์แพร่กระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้
คำแนะนำสำหรับการนอน
หลังจากฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษขณะนอนหลับ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ต้องการ
ตำแหน่งการนอน
เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้เข้ารับบริการ ควรนอนหงายในคืนแรกหลังจากการฉีดโบท็อกซ์ วิธีนี้จะช่วยคงการกระจายตัวของโบท็อกซ์ และลดโอกาสที่โบท็อกซ์จะเคลื่อนที่ไปโดยไม่ตั้งใจได้
หลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณใบหน้า
ผู้เข้ารับบริการ ควรหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งรวมถึงการใช้ที่คาดผมรัดแน่นๆ และหลีกเลี่ยงไม่ให้หมอนกดทับหน้า การจัดท่าทางการนอนหลับ เพื่อลดการสัมผัสกับใบหน้า เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการคงสภาพผลลัพธ์ของโบท็อกซ์
ข้อควรระวังเพิ่มเติม
ผู้เข้ารับบริการ ควรปฏิบัติตามข้อควรระวังต่างๆ หลังการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และลดความเสี่ยงลง บทความย่อยต่อไปนี้ จะสรุปแนวทางเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับเสื้อผ้า และการปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
ข้อควรคำนึงเกี่ยวกับเสื้อผ้า
ในวันที่รับการฉีดโบท็อกซ์ ผู้เข้ารับบริการ ควรเลือกเสื้อผ้าที่หลวมสบาย โดยเฉพาะรอบๆ บริเวณที่ฉีดยา ตัวอย่างเช่น ถ้าฉีดบริเวณหน้าผาก ควรหลีกเลี่ยงการใส่หมวก หรือที่คาดผมรัดแน่นๆ ที่จะกดทับ และทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวไปยังกล้ามเนื้อ โดยไม่ได้ตั้งใจ
ปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะของแพทย์
แพทย์แต่ละท่านอาจมีคำแนะนำหลังการฉีดโบท็อกซ์แตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะการรักษาที่ได้รับ ผู้เข้ารับบริการ ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจรวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับการกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้เมื่อไหร่ หรือการใช้ครีม หรือผลิตภัณฑ์สำหรับทาเฉพาะที่ การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการจากการฉีดโบท็อกซ์
สัญญาณที่ต้องสังเกต
หลังจากที่ได้รับการฉีดโบท็อกซ์ สิ่งสำคัญ คือ ต้องเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ทันที และต้องรู้ว่าเมื่อใดควรแจ้งอาการไม่พึงประสงค์ แพทย์ควรแจ้งให้ผู้เข้ารับบริการ ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และสัญญาณใดบ้างที่ต้องรีบติดต่อกลับมา
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ทันที
- อาการไม่รุนแรง : หลังการรักษาด้วยโบท็อกซ์ บุคคลบางรายอาจพบอาการแดง บวม หรือมีรอยฟกช้ำรอบบริเวณที่ฉีด โดยทั่วไปอาการเหล่านี้ จะไม่รุนแรง และหายไปได้เอง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง : หากเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว มักจะเกิดเฉพาะบริเวณที่ทำการรักษา
การแจ้งอาการไม่พึงประสงค์
- ปวดอย่างรุนแรง : อาการปวดอย่างรุนแรง หรือต่อเนื่องหลังการฉีด ควรรีบปรึกษาแพทย์
- หายใจลำบาก/ กลืนลำบาก : หากมีอาการหายใจลำบาก กลืนลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่า

