ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์เป็นที่นิยมมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้ตรงจุด และเห็นผลรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น แต่หลายคนอาจจะยังมีความกังวล กลัวว่าการฉีด ฟิลเลอร์อันตรายไหม ฉีดไปแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า?
บทความนี้จึงรวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงและอันตรายของการฉีดฟิลเลอร์ พร้อมข้อดี/ข้อเสีย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบให้เข้าใจและตัดสินใจได้รอบคอบ
ฟิลเลอร์ คืออะไร อันตรายไหม
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มชนิดกรดไฮยาลูรอนิค หรือ HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นให้มีความใกล้เคียงกับกรดไฮยาลูรอนิคที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ ช่วยสร้างคอลลาเจนและไฮยาลูรอน ที่ร่างกายจะสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น
ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน และผ่านการรับรองจากอย. จึงไม่เป็นอันตราย แต่หากฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือผู้ที่ฉีดไม่ใช่แพทย์ ไม่มีความรู้และประสบการณ์มากพอ ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้
ฟิลเลอร์ช่วยอะไรบ้าง?
เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนใต้ผิวจะลดลง จึงทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอย การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังบริเวณที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม ร่องใต้ตา ตีนกา จึงช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไป ทำให้ผิวกลับมาเรียบตึง ริ้วรอยแลดูจางลง
และยังสามารถใช้ฉีดเพื่อปรับสัดส่วนของใบหน้าได้ นอกจากนี้คุณสมบัติในการเป็นสารอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วย
ความเสี่ยงและอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์แม้จะเป็นหัตถการที่มีประโยชน์ ช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่าง แต่ก็มีความเสี่ยงหากฉีดไม่ถูกวิธี ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง และจะป้องกันได้อย่างไร
ฟิลเลอร์อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการได้เล็กน้อยหลังทำ ซึ่งอาจจะเปิดขึ้นเพียงชั่วคราว โดยผิวอาจมีอาการบวม แดงเป็นผื่น มีตุ่มหนอง เป็นก้อนแข็ง ผิวหน้าผิดรูปไปจากเดิม ดูไม่เป็นธรรมชาติได้
นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับฝีมือและเทคนิคของแพทย์ที่ทำการฉีดด้วย หากแพทย์ฉีดไม่ถูกวิธี ฉีดผิดตำแหน่ง ฉีดลึกหรือตื้นเกินไป ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ในกรณีที่ฉีดตื้นมาก จะทำให้ผิวไม่เรียบเนียน เห็นรอยฟิลเลอร์ชัด ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือหากฉีดโดนหลอดเลือด ก็อาจทำให้เกิดการอุดตันกลายเป็นเนื้อตายได้ จึงควรเลือกใช้บริการในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่ชำนาญ เพื่อความปลอดภัย
ถึงผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและหายได้เอง ภายใน 2-3 วัน แต่หากพบอาการผิดปกติ แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการแก้ไขโดยเร็ว ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
อาการผิดปกติที่อันตรายหลังฉีดฟิลเลอร์
หากหลังฉีดฟิลเลอร์มีอาการเป็นผื่นลมพิษแบบรุนแรง อักเสบ บวมแดง ร้อน เจ็บปวดบริเวณที่ฉีด อาจเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ การติดเชื้อ หรืออาการแทรกซ้อนที่รุนแรง ซึ่งอันที่จริงแล้วหากใช้ฟิลเลอร์แท้โอกาสแพ้มีน้อยมาก แต่อาจเกิดได้ในผู้ที่แพ้ไฮยาลูรอนิก หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันไวกว่าปกติ
ฉีดฟิลเลอร์บริเวณไหนมีความเสี่ยงและอันตรายสูง
การฉีด ฟิลเลอร์อันตรายไหม ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดด้วย โดยเฉพาะบริเวณระหว่างคิ้ว หัวจมูก หน้าผาก และร่องแก้ม ซึ่งหากฉีดพลาดก็มีโอกาสที่ฟิลเลอร์จะเข้าไปอุดตันเส้นเลือดอาจทำให้การมองเห็นผิดปกติ หรืออาจเกิดความเสียหายต่อดวงตาได้ แต่หากต้องการฉีดฟิลเลอร์บริเวณเหล่านี้ ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญเพื่อความปลอดภัย
อาการข้างเคียงปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ (ไม่ต้องกังวล)
สำหรับอาการข้างเคียงทั่วไป เช่น รอยแดง รอยเข็ม อาการบวมช้ำบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่เป็นอันตราย และไม่ต้องกังวล อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น ใน 2-3 วัน และหายได้เอง หรือหากมีอาการเยอะ สามารถประคบเย็น ทานยาแก้ปวดลดบวมตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้อาการทุเลาลงเร็วขึ้น
ซึ่งหลังจากฉีดผ่านไป 3 วัน แล้วอาการบวมช้ำไม่ดีขึ้น มีไข้สูง หรือมีหนองไหล แนะนำรีบนัดพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คอาการ และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
สิ่งที่ไม่ควรทำหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดความเสี่ยง
เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน และลดอาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หลีกเลี่ยงอาหารหรือพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เช่น ไม่ควรออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนัก ๆ 3-5 วัน หรือแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอางค์ในวันแรกหลังฉีด เพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณที่ฉีดถูกกดทับหรือหากทำไม่ได้จริงๆ ควรงดอย่างน้อย 48 ชม. ดังนี้
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เช่น เหล้า, เบียร์, ไวน์, โซจู, สาเก, น้ำหมัก จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว และมีการสูบฉีดเลือดมากขึ้น ทำให้อาการบวมหายช้า
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล อาหารดิบ เช่น ปลาร้า, ปลาดิบ, หน่อไม้ดอง, ผลไม้ดอง เพราะอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค พยาธิ เสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อ
- งดการอาบน้ำร้อน อบซาวน่า หรือเข้าสปา อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดสัมผัส บีบนวด เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูป หรือเคลื่อนไปยังตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องการ
ทั้งนี้ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องหลังฉีดฟิลเลอร์ นอกจากจะช่วยลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน เห็นผลชัด และเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย และถึงอาการข้างเคียงเล็กน้อยอาจเกิดขึ้นได้ในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยให้ผ่านช่วงนี้ไปด้วยดี โดยไม่เกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมา และได้ประโยชน์จากการฉีดฟิลเลอร์เต็มที่
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่กลัวฟิลเลอร์อันตราย แต่สนใจฉีด
เมื่อได้คำตอบไปแล้วว่า ฟิลเลอร์อันตรายไหม ตามมาดูกันต่อเลยว่าจะมีวิธีเตรียมตัวก่อนฉีดอย่างไรให้ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การเตรียมตัวเพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และอันตรายจากฟิลเลอร์
- งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน, ยากลุ่มต้านการอักเสบ (NSAIDs), วิตามินอี, น้ำมันปลา, น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส, สารสกัดจากโสม, ขิง, กระเทียม, ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- งดผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น Retinal, BHA, AHA 3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 วัน
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกายหนักๆ 1 วัน
- หากมีโรคประจำตัว หรือยาที่รับประทานประจำ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
วิธีเลือกคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ
การเลือกคลินิกถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ควรเปรียบเทียบจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูองค์ประกอบหลายๆ อย่าง และศึกษาข้อมูลให้ละเอียด หรืออาจจะลองเข้าไปพูดคุย ปรึกษากับแพทย์ดูก่อน โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพื่อประกอบการตัดสินใจ มีดังนี้
กฎหมายและการอนุมัติฟิลเลอร์ในไทย
ในด้านกฎหมายของประเทศไทยยังมีช่องว่างในหลายเรื่อง เช่น ยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดแยกประเภทสถานพยาบาลที่ชัดเจน ส่งผลให้สถานประกอบกิจการคลินิกเวชกรรมความงาม ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้สำหรับสถานพยาบาลประเภทเพื่อประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทำให้มีความปลอดภัยไม่เพียงพอ เนื่องจากการประกอบกิจการคลินิกเวชกรรมความงามต้องมีเครื่องมือเฉพาะ หรือยาควบคุมพิเศษอย่างฟิลเลอร์
นอกจากนี้ยังไม่มีมาตรการควบคุมผู้ดำเนินการสถานพยาบาลที่คอยดูแลคลินิก จึงพบว่าบางแห่งให้ผู้ช่วยแพทย์ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเป็นคนรักษาคนไข้ เช่นเดียวกับที่ไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการควบคุมการทำหัตถการความงามของแพทย์
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้บริโภคจะทำได้ก็คือ การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ มีป้ายชื่อชัดเจน แสดงใบอนุญาตให้เห็นหน้าคลินิก มีแพทย์ประจำ มีการแสดงราคา, มีหลักฐานจ่ายค่าธรรมเนียมประจำปี เพื่อให้ผู้อ่านนำไปใช้ประกอบการตัดสิน รวมถึงศึกษาข้อมูลใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ ว่ามีประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะทางหรือไม่
การสังเกตฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่าน อย. หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอม
สำหรับการสังเกตฟิลเลอร์แท้อาจจะมีรายละเอียดแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ โดยทั่วไปสามารถสังเกตได้จากบรรจุภัณฑ์ที่ต้องเป็นกล่องใหม่ปิดสนิท ยังไม่ผ่านการแกะ มีเลขอย. และเอกสารภาษาไทยกำกับ ตัวหนังสือชัดเจน เลข Lot. ข้างกล่องต้องตรงกับที่ปรากฏบนหลอดภายใน และสามารถนำไปตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าได้ สามารถโทรเช็คเลข Lot. ได้ที่บริษัท หรือสามารถสแกน QR Code ด้วยแอปพลิเคชัน Eztracker เป็นต้น ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์ปลอม อาจมีผลเสียต่อผิวหน้าและอันตรายที่เกิดขึ้น รวมถึงความผิดทางกฎหมาย
การเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่รับการรับรองจาก อย. เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ควรหลงเชื่อราคาถูก หรือซื้อฟิลเลอร์จากแหล่งไม่น่าเชื่อถือ เพราะนอกจากเสี่ยงต่อการถูกหลอกแล้ว ยังอันตรายถึงชีวิตได้
สิ่งที่ควรสังเกตและการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
- งดแต่งหน้าในช่วง 24 ชม. หลังฉีด หรือหากจำเป็นต้องแต่งหน้าก็ให้เว้นบริเวณรูเข็ม เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดแต่งหน้าเพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขนและการติดเชื้อ
- นอนหนุนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบนวด เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ อาจทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูป หรือเคลื่อนไปยังตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องการ และไม่ควรขยับใบหน้าเยอะในช่วง 3 วันแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อนอย่างน้อย 48 ชม.
- หากฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรงดดูดน้ำจากหลอด รวมถึงงดทานของที่ร้อนจัด หรือรสจัดมาก
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- ดื่มน้ำประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- สังเกตความผิดปกติ หากมีอาการบวมแดงมาก ปวดมาก ผิวนูนเป็นก้อน ผิวเป็นผื่น มีตุ่มหรือหนอง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ความจำเป็นของการนัดติดตามผลหลังฉีด
แพทย์มักจะนัดติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ 1-2 สัปดาห์ ควรมาตามนัดเพื่อให้แพทย์ประเมินดูว่าผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์เป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่ มีอาการข้างเคียงไหม หากคนไข้ต้องการฉีดฟิลเลอร์เพิ่ม หรือมีจุดใดที่ต้องการปรับแก้ แพทย์จะได้ทำการแก้ไขให้ทันที
ทั้งนี้ นอกจากแพทย์จะได้ติดตามผลแล้ว ยังเป็นโอกาสให้คนไข้ได้ซักถาม ปรึกษาเรื่องการดูแลตัวเอง หรือข้อสงสัยต่าง ๆ กับแพทย์ได้โดยตรงด้วย แต่กรณีที่ไม่สามารถมาตามนัดได้ ควรแจ้งให้ทางคลินิกทราบล่วงหน้า และนัดหมายวันเวลาใหม่ เพื่อความต่อเนื่องในการรักษา
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสี่ยงและอันตรายของฟิลเลอร์
นอกจากข้อสงสัยเรื่อง ฟิลเลอร์อันตรายไหม เชื่อว่าหลายคนคงจมีความกังวลใจ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจ ควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงได้ ดังนี้
-
ฟิลเลอร์ละลายได้จริงไหม? เมื่อโดนความร้อน
ฟิลเลอร์สามารถละลายได้หากเจออุณหภูมิที่สูงมากๆ แต่สำหรับความร้อนที่พบเจอได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินตากแดด เล่นกีฬากลางแจ้ง ไม่ถึงกับทำให้ฟิลเลอร์ละลายไปในทันที แต่อาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพ และสลายเร็วกว่าปกติ
ดังนั้น แพทย์มักแนะนำให้เลี่ยงการอาบน้ำร้อน อบซาวน่า เข้ากระบะน้ำวน (Jacuzzi) หรือแช่น้ำแร่ร้อน ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ไม่คงรูป กระจายตัว หรือเคลื่อนออกจากตำแหน่งได้ ส่วนความร้อนจากแสงแดดหรือการออกกำลังกายปกติ ไม่ส่งผลกระทบมากนัก
-
ฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ฉีดอีก ทำให้หน้ายิ่งเหี่ยวจริงไหม?
การหยุดฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้ทำให้หน้าเหี่ยวมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่คนจะชินกับผิวหลังฉีดฟิลเลอร์ที่มีความเต่งตึง อิ่มฟูดูกระชับ พอฟิลเลอร์สลายไปหมด จึงรู้สึกว่าผิวเหี่ยวขึ้น แต่จริงๆ แล้วผิวแค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ยังมอบความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยอีกด้วย
-
การฉีดฟิลเลอร์หลายครั้ง อันตรายไหม?
โดยทั่วไปผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และจะสลายไปเองตามธรรมชาติ และสามารถมาฉีดซ้ำใหม่ได้โดยไม่เป็นอันตราย
แต่หากต้องการฉีดซ้ำตอนที่ฟิลเลอร์ยังสลายไม่หมด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสม หรือถ้าฉีดฟิลเลอร์ซ้ำบ่อยเกินไป หรือในปริมาณมากเกินจำเป็น อาจทำให้ผิวไม่เรียบเนียน เกิดเป็นก้อนสะสมได้ ควรฟังคำแนะนำของแพทย์ และฉีดเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
-
ฟิลเลอร์ทำให้ตาบอดจริงไหม?
ฟิลเลอร์อันตรายไหม? ต้องตอบว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงในกรณีที่แพทย์ขาดความชำนาญและประสบการณ์ หากพบอาการผิดปกติที่ตาหลังฉีดฟิลเลอร์ เช่น ตามัว ปวดตา ต้องรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อรักษาแก้ไขก่อนที่จะสายไป
แต่จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าอัตราการเกิดเคสแบบนี้ค่อนข้างน้อย และเคสที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นการฉีดฟิลเลอร์กับหมอเถื่อนหรือหมอกระเป๋า เพราะฉะนั้นหากเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่ชำนาญ มีเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่พร้อม ก็จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงได้
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรม
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมดุล
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- สามารถใช้กับบริเวณที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม คาง
- ฟิลเลอร์แท้สามารถสลายได้เอง ไม่ตกค้างหรือสะสมในร่างกาย
- สามารถทำควบคู่กับทรีตเมนต์ดูแลผิวอื่น ๆ ได้
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
- ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถาวร ผลลัพธ์อยู่ประมาณ 6 -24 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์
- หลังทำอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดง รอยช้ำ แต่สามารถหายได้เองใน 2-3 วัน
- การฉีดฟิลเลอร์ซ้ำอาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เนื่องจากฟิลเลอร์มักจะมีอายุจำกัดและจำเป็นต้องฉีดซ้ำในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อรักษาผลลัพธ์
สรุป
คำถามที่ว่า ฟิลเลอร์อันตรายไหม ถือเป็นหัตถการที่ไม่อันตราย โอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงรุนแรงน้อยมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวล ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่ฉีดด้วยว่าเป็นของแท้หรือไม่ รวมถึงคลินิกที่ใช้บริการต้องได้มาตรฐาน และแพทย์ที่ทำการฉีดต้องมีความชำนาญ จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
สำหรับใครที่สนใจลองฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้ปรึกษาและสอบถามข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อประเมินสภาพผิว และดูว่าเหมาะกับฟิลเลอร์ชนิดไหน ให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตัดสินใจได้มั่นใจขึ้น